เมนู

อาปัตติภยวรรคที่ 5

1. สังฆเภทกสูตร


ภิกษุทำลายสงฆ์ด้วยอำนาจประโยชน์ 4 ประการ


[243] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ โฆสิตาราม
ใกล้เมืองโกสัมพี ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วพระผู้มี-
พระภาคเจ้าได้ตรัสถามว่า ดูก่อนอานนท์ อธิกรณ์นั้นระงับแล้วหรือ ท่าน
พระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อธิกรณ์นั้นจักระงับแต่ที่ไหน
สัทธิวิหาริกของท่านพระอนุรุทธะชื่อว่าพาหิยะ ตั้งอยู่ในการทำลายสงฆ์ถ่ายเดียว
เมื่อพระพาหิยะตั้งอยู่อย่างนั้นแล้ว ท่านพระอนุรุทธะก็ไม่สำคัญที่จะพึงว่ากล่าว
แม้สักคำเดียว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ เมื่อไร อนุรุทธะ
จะจัดการชำระอธิกรณ์ในท่ามกลางสงฆ์ อธิกรณ์ชนิดใดก็ตามที่บังเกิดขึ้น
เธอทั้งหลายกับสารีบุตรและโมคคัลลานะต้องระงับอธิภรณ์ทั้งหมดนั้นมิใช่หรือ
ดูก่อนอานนท์ ภิกษุผู้ลามก เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ 4 ประการนี้ ย่อมยินดี
ด้วยการทำลายสงฆ์ อำนาจประโยชน์ 4 ประการเป็นไฉน ดูก่อนอานนท์
ภิกษุผู้ลามกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทุศีล มีบาปธรรม มีความประพฤติไม่สะอาด
น่ารังเกียจ มีการงานอันปกปิด มิใช่สมณะปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่ประพฤติ
พรหมจรรย์ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน ชุ่มด้วยกิเลส
รุงรังด้วยโทษ เธอปริวิตกอย่างนี้ว่า ถ้าภิกษุทั้งหลายจักรู้จักเราว่า เป็นคน
ทุศีล มีบาปธรรม. . .รุงรังด้วยโทษ จักเป็นผู้พร้อมเพรียงกันนาสนะเราเสีย
แต่ภิกษุผู้เป็นพรรคพวกจักไม่นาสนะเรา ดูก่อนอานนท์ ภิกษุผู้ลามก เล็งเห็น
อำนาจประโยชน์ที่ 1 นี้ ย่อมยินดีด้วยการทำลายสงฆ์.

อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ลามก มีความเห็นผิด ประกอบด้วยอันตคา-
หิกทิฏฐิ เธอปริวิตกอย่างนี้ว่า ถ้าภิกษุทั้งหลายจักรู้เราว่ามีความเห็นผิด
ประกอบด้วยอันตคาหิกทิฏฐิ จักเป็นผู้พร้อมเพรียงกันนาสนะเราเสีย แต่ภิกษุ
ผู้เป็นพรรคพวกจักไม่นาสนะเรา ดูก่อนอานนท์ ภิกษุผู้ลามก เล็งเห็นอำนาจ
ประโยชน์ข้อที่ 2 นี้ ย่อมยินดีด้วยการทำลายสงฆ์.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ลามก มีอาชีพผิด เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ
เธอย่อมปริวิตกอย่างนี้ว่า ถ้าภิกษุทั้งหลายจักรู้เราว่ามีอาชีพผิดเลี้ยงชีวิตด้วย
มิจฉาชีพ จักเป็นผู้พร้อมเพรียงกันนาสนะเราเสีย แต่ภิกษุเป็นพรรคพวกจัก
ไม่นาสนะเรา ดูก่อนอานนท์ ภิกษุผู้ลามก เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ข้อที่ 3 นี้
ย่อมยินดีด้วยการทำลายสงฆ์.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้ลามก ปรารถนาลาภ สักการะและความยกย่อง
เธอปริวิตกอย่างนี้ว่า ถ้าภิกษุทั้งหลายจักรู้เราว่าปรารถนาลาภ สักการะและ
ความยกย่อง จักพร้อมเพรียงกัน ไม่สักการะเคารพนับถือบูชาเรา แต่ภิกษุ
ผู้เป็นพรรคพวกจักสักการะเคารพนับถือบูชาเรา ดูก่อนอานนท์ ภิกษุผู้ลามก
เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ข้อที่ 4 นี้ ย่อมยินดีด้วยการทำลายสงฆ์.
ดูก่อนอานนท์ ภิกษุผู้ลามก เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ 4 ประการนี้แล
ย่อมยินดีด้วยการทำลายสงฆ์.
จบสังฆเภทกสูตรที่ 1

อาปัตติภยวรรควรรณนาที่ 5



อรรถกถาสังฆเภทกสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในสังฆเภทกสูตรที่ 1 แห่งวรรคที่ 5 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อปิ นุตํ อานนฺท อธิกรณํ ความว่า บรรดาอธิกรณ์
4 มีวิวาทาธิกรณ์เป็นต้น อธิกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นแล้ว แก่ภิกษุสงฆ์.
พระศาสดาเมื่อจะถามถึงเรื่องอธิกรณ์นั้นสงบแล้วจึงตรัสอย่างนี้. บทว่า กุโต
ตํ ภนฺเต
ความว่า พระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญอธิกรณ์
นั้นจะระงับแต่ที่ไหนได้ คือ อธิกรณ์นั้นจักระงับได้ด้วยเหตุไร. บทว่า
เกวลกปฺปํ ได้แก่ ถ่ายเดียว. บุทว่า สงฺฆเภทาย ฐิโต ได้แก่ พระ-
พาหิยะยังยืนกรานกล่าวโต้วาทะกับด้วยสงฆ์. บทว่า ตตฺถายสฺมา ความว่า
เมื่อพระพาหิยะนั้นยืนกรานอยู่อย่างนี้ ท่านพระอนุรุทธะ. บทว่า น เอกวา-
จิกปิ กถิตพฺพํ มญฺญติ
ความว่า ท่านพระอนุรุทธะไม่เอาธุระที่จะกล่าวว่า
ดูก่อนผู้มีอาย ท่านอย่าพูดอย่างนี้กับสงฆ์ซิ ดังนี้. บทว่า โวยุญฺชติ ได้แก่
ขวนขวาย คือ ตั้งหน้าพยายาม. บทว่า อตฺถวเส แปลว่า อำนาจแห่งเหตุ.
บทว่า นาเสสฺสนฺติ ได้แก่ ภิกษุทั้งหลาย จักไม่ให้เราเข้าไป จักคร่าเรา
ออกไปเสียจากอุโบสถและปวารณา. บทที่เหลือพึงทราบตามบาลีนั่นแล.
จบอรรถกถาสังฆเภทกสูตรที่ 1